รับจัดชุดเครื่องเสียงตามสั่งตามกำลัง งบประมาณ ของท่าน

1. YAMAHA A10 = 1 คู
2. YAMAHA MG10XU = 1Ea
3. ACM AUDIO SUB+SAT Class AB Power Amplifier 200+200w, Subwoofer 600w
4. ลำโพง
5. สาย XLR Mix to Sub Amplifier

1. QSC E112  Power Speaker 1600Wpeak
2. QSC TOUCHMIX-8 ดิจิตอลมิกเซอร์
3. ขาตั้งลำโพง = 2 Ea
4. สายสัญญาณลำโพงXLR = 2 Ea

ชุดเครื่องเสียงกลางแจ้ง: การใช้งานและเทคนิคการเลือกซื้อ

บทนำ

ชุดเครื่องเสียงกลางแจ้งเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในพื้นที่เปิดโล่ง ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต งานเทศกาล งานสังสรรค์ หรือกิจกรรมทางการเมือง การเลือกชุดเครื่องเสียงกลางแจ้งที่เหมาะสมมีผลอย่างมากต่อคุณภาพของเสียงและประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมงาน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับชุดเครื่องเสียงกลางแจ้งในรายละเอียด ทั้งส่วนประกอบ เทคนิคการเลือกซื้อ และการติดตั้ง

ส่วนประกอบของชุดเครื่องเสียงกลางแจ้ง

1. ลำโพง (Speakers) ลำโพงเป็นหัวใจของระบบเสียงกลางแจ้ง มีหลากหลายประเภท เช่น ลำโพงโฮมทิวิตเตอร์ (Horn Tweeter) สำหรับเสียงแหลม ลำโพงมิดเรนจ์ (Midrange) สำหรับเสียงกลาง และซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer) สำหรับเสียงทุ้ม การเลือกประเภทของลำโพงขึ้นอยู่กับประเภทของงานและพื้นที่ที่ต้องการให้เสียงครอบคลุม

2. เครื่องขยายเสียง (Amplifiers) เครื่องขยายเสียงทำหน้าที่ขยายสัญญาณเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงให้มีพลังงานเพียงพอสำหรับขับลำโพง ควรเลือกเครื่องขยายเสียงที่มีพลังงานเพียงพอและเหมาะสมกับลำโพงที่ใช้

3. มิกเซอร์ (Mixers) มิกเซอร์เป็นอุปกรณ์ที่รวมสัญญาณเสียงจากหลายแหล่งเข้าไว้ด้วยกัน แล้วส่งออกไปยังเครื่องขยายเสียง การเลือกมิกเซอร์ขึ้นอยู่กับจำนวนช่องสัญญาณที่ต้องการใช้และฟังก์ชั่นเพิ่มเติม เช่น การปรับแต่งเสียง

4. ไมโครโฟน (Microphones) ไมโครโฟนมีบทบาทสำคัญในการรับสัญญาณเสียงจากแหล่งกำเนิด เช่น นักร้อง หรือเครื่องดนตรี มีหลายประเภท เช่น ไมโครโฟนแบบไดนามิค (Dynamic Microphones) สำหรับเสียงที่ดังมาก และไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ (Condenser Microphones) สำหรับเสียงที่ละเอียด

5. อุปกรณ์เสริม (Accessories) สายสัญญาณ สายไฟ ขาตั้งลำโพง และขาตั้งไมโครโฟน เป็นส่วนประกอบที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีผลต่อคุณภาพเสียงและความสะดวกในการติดตั้ง

เทคนิคการเลือกซื้อชุดเครื่องเสียงกลางแจ้ง

1. กำหนดความต้องการ ก่อนที่จะเลือกซื้อชุดเครื่องเสียง ควรกำหนดความต้องการของงาน เช่น ประเภทของกิจกรรม จำนวนผู้เข้าร่วมงาน พื้นที่ที่ต้องการให้เสียงครอบคลุม และงบประมาณที่มี

2. พลังงานและความดังของเสียง ควรเลือกชุดเครื่องเสียงที่มีกำลังวัตต์เพียงพอสำหรับพื้นที่เปิดโล่ง โดยคำนึงถึงความดังของเสียง (Measured in Decibels, dB) ที่ต้องการเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด

3. คุณภาพเสียง คุณภาพเสียงเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีการตอบสนองต่อเสียงที่ดี และสามารถปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการ การทดลองฟังเสียงก่อนซื้อเป็นสิ่งที่ควรทำ

4. ความทนทานและความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ชุดเครื่องเสียงกลางแจ้งต้องทนทานต่อสภาพอากาศ เช่น ฝน ลม และความชื้น ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีการออกแบบให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อม

5. บริการหลังการขายและการรับประกัน การเลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะได้รับการดูแลอย่างดีในกรณีที่เกิดปัญหา

การติดตั้งและการจัดการเช่าเครื่องเสียงกลางแจ้ง

1. การวางลำโพง ควรวางลำโพงในตำแหน่งที่สามารถกระจายเสียงได้ทั่วถึง การวางลำโพงสูงขึ้นจะช่วยให้เสียงครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น และลดการสะท้อนของเสียง

2. การตั้งค่ามิกเซอร์ การตั้งค่ามิกเซอร์ให้เหมาะสมกับแหล่งเสียงแต่ละแหล่งเป็นสิ่งสำคัญ ควรปรับแต่งให้เสียงของแต่ละส่วนมีความสมดุลกัน เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด

3. การจัดการไมโครโฟน ควรเลือกใช้ไมโครโฟนที่เหมาะสมกับการใช้งาน และวางไมโครโฟนในตำแหน่งที่รับสัญญาณเสียงได้ชัดเจน โดยหลีกเลี่ยงการหันไมโครโฟนไปทางลำโพงเพื่อลดการเกิดเสียงหอน (Feedback)

สรุป

การเลือกชุดเครื่องเสียงกลางแจ้งที่เหมาะสมและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานกลางแจ้งของคุณประสบความสำเร็จ การเข้าใจส่วนประกอบต่างๆ เทคนิคการเลือกซื้อ และวิธีการติดตั้งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกและใช้ชุดเครื่องเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเข้าใจในเทคนิคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การฟังเสียงที่ดีให้กับผู้เข้าร่วมงาน และทำให้งานของคุณเป็นที่จดจำในความทรงจำของทุกคน