วิธีติดตั้ง Home Theater
ชุดโฮมเธียเตอร์ที่คุณใช้รับชมภาพยนต์อยู่ที่บ้านนั้น ผู้ใช้งานบางคนพอต่อใช้งานแล้วมีเสียงดังขึ้นก็ใช้งานได้แล้ว ไม่เคยที่จะปรับตั้งหรือลองใช้งานในเมนูฟังก์ชั่นบางอย่างบ้างเลยก็มี แต่ก็มีอีกหลายคนที่ปรับตรงนั้นเองปรับตรงนี้อีกหน่อย แต่ก็ยังไม่เคยได้คุณภาพเสียงที่พอใจสักครั้ง วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการปรับแต่งชุดโฮมเธียเตอร์ของคุณให้ได้คุณภาพเสียงสูงสุด ตามประสิทธิภาพของมัน
1.เซ็ตค่าระยะห่างของลำโพงให้ถูกต้อง
ในเครื่องเอวีรีซีฟเวอร์ส่วนใหญ่นั้น จะมีวงจรถอดรหัสเสียงแบบเซอร์ราวด์ในตัวไม่ว่าจะเป็น 5.1 หรือ 7.1 เองก็ตาม จะมีเมนูไว้สำหรับ Setup ขนาดของลำโพงในแต่ละแชลเนลต่าง ๆ ทั้งลำโพงหน้า เซ็นเตอร์หรือลำโพงเซอร์ราวด์ว่ามีขนาดของลำโพงใหญ่หรือเล็ก เราควรจะเลือกตั้งค่าตรงนี้ให้เหมาะสมกับขนาดของลำโพง โดยดูง่าย ๆจากขนาดของดอกลำโพงวูฟเฟอร์ว่า ถ้ามีขนาดตั้งแต่ 6 นิ้วขึ้นไป จะต้อง Setup ให้เป็นลำโพงขนาดใหญ่ ทำอย่างนี้กับอีกแชนเนลที่เหลือให้ครบ อีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไปเสียไม่ได้คือการ Setup ความห่างกันของลำโพง แต่ละแชลเนลเมื่อมาถึงจุดที่นั่งฟัง ( Sweet Spot) ว่ามีความห่างเท่าใดในเมนูการตั้งค่าจะเรียกเป็น Delay Time มีค่าเป็น ms จำไว้ว่าความห่างขนาด 1 ฟุตจะเท่ากับ 1 ms เพราะฉะนั้นหากจุดที่คุณนั่งฟังห่างจากลำโพงแชลเนลด้านหน้า 4 ฟุต คุณก็ควรตั้งค่า Delay Time ลำโพงด้านหน้าไว้ที่ 4 ms เช่นกันโดยทำแบบนี้ในอีกแต่ละแชลเนลที่เหลือทั้งหมดอีกด้วย โดยสามารถเปิดเสียง Test Tone ฟังไปด้วยก็ได้
2.หาแผ่นเทสต์เสียงระบบโฮมเธียเตอร์
หากคุณไม่ใช่นักฟังเพลงหูทองตัวยง ที่พอฟังเสียงเพลงแล้วสามารถรู้ได้ทันทีว่าความถี่เสียงใดหายไปหรือต้องปรับ แก้ไขอย่างไร คุณควรจะไปหาซื้อแผ่นเทสต์ระบบเสียงโฮมเธียเตอร์ที่มีขายอยู่ทั้วไปที่ร้าน จำหน่ายซีดีเพลงขนาดใหญ่ เพราะในแผ่นทดสอบระบบเสียงนั้น จะมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่แบ่งแยกออกเป็นความถี่หรือการทดสอบเสียงเซอร์ราวด์ให้คุณได้เลือกปรับตั้ง ค่าได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง
3.ต่อสายลำโพงให้ถูกขั้ว
มีนักเล่นเครื่องเสียงจำนวนมากที่ตายน้ำตื้นเอาง่าย ๆ เมื่อรู้สึกว่าชุดเครื่องเสียงที่ฟังอยู่ทำไมถึงไม่มีอิจเมจซาวด์สเตจที่แยกแยะตำแหน่งชิ้นดนตรีที่ดีเอาเสียเลย เสียงนักร้องไปยืนร้องเบียดกับมือกีต้าร์ส่วนมือเบสก็ยืนเล่นทับกับมือกลองไปได้ นี่คือสาเหตุของการต่อสายลำโพงผิดเฟสหรือผิดขั้วนั่นเอง อาจจะกลับด้านขั้วบวกที่ลำโพงไปต่อที่ขั้วลบที่รีซีฟเวอร์ คุณควรเช็คให้แน่ใจมากกว่าสองครั้งเกี่ยวกับขั้วต่อทั้งด้านหลังเครื่องเอวี รีซีฟเวอร์และที่ลำโพงให้ถูกต้องก่อนทุกครั้ง
4.แหน่งและระดับเสียงซับวูฟเฟอร์
การปรับตั้งความดังของเสียงซับวูฟเฟอร์และการเลือกจุดตัดความถี่ของซับวูฟเฟอร์เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ต้องใช้ประสบการณ์ในการฟัง ล้วน ๆ ในการปรับตั้ง แต่สิ่งที่จะแนะนำมือใหม่ได้ง่ายที่สุดคือ ค่อย ๆ เปิดเสียงของซับวูฟเฟอร์ขึ้นแล้วมานั่งฟังในจุดกึ่งกลางของห้อง หากรู้สึกเบา ๆ ไปก็เร่งความดังขึ้นแล้วกลับมานั่งฟังอีก ทำอย่างนี้ไป
เรื่อย ๆ จนคุณรู้สึกว่าคุณได้ยินเสียงความถี่สูง กลางหรือต่ำ ในปริมาณที่เท่า ๆ กันส่วนการเลือกจุดตัดความถี่นั้นคงต้องใช้ประสบการณ์ของหูอีกเหมือนกัน แต่สำหรับมือใหม่แนะนำว่าให้คุณดูที่ลำโพงคู่หน้าของคุณว่าตอบสนองความถี่ได้ขนาดไหน อย่างเช่นลำโพงคู่หน้าคุณสเป็กระบุว่าตอบสนองเสียงตั้งแต่ 55-20000 กิโลเฮิรตซ์ คุณก็ควรตั้งจุดตัดความถี่ที่ซับวูฟเฟอร์ตั้งแต่ 55 เฮิรตซ์ ลงมา ส่วนตำแหน่งที่ตั้งของซับวูฟเฟอร์ หากคุณต้องการเสียงต่ำที่เป็นเสียงอ้วน ๆ สักหน่อยคุณก็ควรตั้งซับวูฟเฟอร์ไว้ใกล้กำแพง แต่คุณก็จะสามารถเขยิบออกจากกำแพงได้หากคุณต้องการเสียงต่ำที่ดูผอมลงและมีความชัดเจนขึ้น
5.ลำโพงควรจะอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่
ลำโพงถูกออกแบบมาให้มีการกระจายเสียงในมุมกว้างคุณไม่ควรนำลำโพงไปวางไว้ใน ตู้หรือบนชั้นหนังสือ คุณควรจะหาซื้อขาตั้งลำโพงหรือขาแขวนลำโพงมาใช้งานจะดีกว่า เพราะคุณจะได้ประสิทธิภาพที่สูงสุดของลำโพงและยังดูเหมาะสมสวยงามอีกด้วย
6.เลือกตำแหน่งการวางลำโพงที่ดีที่สุด
แต่ถ้าคุณจำเป็นที่จะต้องวางลำโพงบนตู้หรือในชั้นหนังสือหรือไม่สามารถหาขาตั้งลำโพงหรืออุปกรณ์แขวนมาได้ ให้จำไว้ว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของลำโพงคือให้ระดับทวีตเตอร์ทั้งสองข้างลำโพงอยู่ในระดับเดียวกันกับหูของผู้นั่งฟังและระยะห่างระหว่างจุดนั่งฟังไปยังตำแหน่งของโพงทั้งสองข้างต้องเท่ากันด้วย และถ้าลำโพงอยู่ห่างจากมุมห้องน้อยกว่า 45 เซนติเมตรคุณควรจะเอียงหน้าลำโพงเข้าหาตำแหน่งที่นั่งฟังอีกด้วย
7.ทำห้องของคุณให้เป็นเหมือนโรงหนัง
ห้องที่มีพื้นผิวไม้เรียบพื้นกระเบื้องหรือมีช่องหน้าต่างกระจกจะมีเสียงสะท้อน สูงมากทำให้เกิดเสียงก้องขึ้นได้ง่ายทางออกที่ดีที่สุด คุณควรวางพรมยื่งหนาเท่าไรยิ่งดีไว้ที่ด้านหน้าชุดโฮมเธียเตอร์ของคุณและควร จะเปลี่ยนผ้าม่านเป็นแบบหนาๆ จำไว้ว่าห้องดูหนังฟังเพลงที่ดีที่สุดคือห้องที่มีการซับเสียงและเสียงสะท้อนเสียงในอัตราที่เท่าๆกัน
8.ใช้สายลำโพงหรือสายสัญญาณที่มีคุณภาพสูงขึ้น
ถ้าคุณยังใช้สายที่คุณภาพธรรมดาหรือสายแถมมาอยู่ล่ะก็ คุณควรจะเปลี่ยนไปใช้สายที่คุณภาพสูงกว่าขึ้นไปได้แล้ว นอกจากจะมีขั้วต่อที่แน่นหนาแล้วนั้นในเรื่องคุณภาพเสียงยังดีกว่าสายธรรมดา แบบไม่ติดฝุ่นกันเลยทีเดียว
9.เลือกใช้ลำโพงให้เหมาะสมกับเอวีรีซีฟเวอร์
คุณคงเคยเห็นร้านขายชุดเครื่องเสียงที่มีการจัดชุดไว้ครบทั้ง เครื่องเอวีรีซีฟเวอร์และลำโพงครบชุด คุณควรจะเลือกซื้อมาแบบครบชุดนั่นแหละ เพราะลำโพงและเอวีรีซีฟเวอร์แต่ล่ะยี้ห้อจะมีเอกลักษณ์ของเสียงที่แตกต่างกัน คงต้องใช้ประสบการณ์ในการฟังของผู้เชี่ยวชาญถึงจะรู้ว่าลำโพงและเอวีรีซี ฟเวอร์เครื่องใดเหมาะสมกันแต่สำหรับมือใหม่ คุณควรเลือกแบบที่ทางร้านจัดชุดไว้นั่นแหละจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
|